On the second day of his stay, he went to see an ailing fan at the hospital. When he returned to the hotel he was feeling somewhat depressed from seeing his family in a serious state, but as he got out of the car and saw our banner at the entrance, he cried “Ah!”, bringing his hand to his mouth, and laughed out loud pointing to the banner. YES!! We had done it - it was a great success!
Actually, we came up with A LOT of other ideas for the phrase to be used for this banner.One of them that made it to the finals was, “Aigoo, ige kuminyasenshiya?”It is a phrase that is used in such situations as when a separated family is able to reunite after a long time - a small old woman in a han-bok would express her overwhelming feelings with her whole body, slamming her hand on the ground crying out, “Oh, am I dreaming? Or am I seeing illusions?” It is a line used to express one’s bewilderment in seeing someone who seems like an illusion, and cannot determine whether he is dead or alive. Later you will see that this phrase would make YJ laugh his head off at a most unexpected moment.
Now, on the final day of his stay in Taiwan, after participating in the fan meeting, YJ went back to the hotel and came out after changing into a white jacket. At the airport, the Taiwan media swarmed around him, and they walked with him in this mob state that it was really dangerous. The fans were all waiting in a line, but the tourists who happened to be there noticed the commotion and with cameras in their hands, added themselves to the mob crying out things like, “Oh, it’s Bae!”, “Where, where? You mean it’s Yon-sama?” The mob was getting bigger and bigger and the situation was truly getting out of hand. The press often give out reports claiming “Bae Yong Joon, mobbed by fans at the airport”, but the real picture was THIS.
When he got on the escalator to go to the VIP lounge on the second floor, someone who tried to take his picture from the descending side fell down. It seemed like the man’s clothes were caught in the escalator, and he was having a hard time getting up. Because the photographers were too busy trying to catch YJ, what do you know, the first one to lend a hand to help this person was YJ himself! And he was on the other side, too. What a great guy he was! Even in the midst of almost being mobbed to death…..
I had been watching this scene from the foot of the escalator, and at that moment, I was finally able to see what he was wearing. On the back of his white jacket, seven angels were printed. The eighth angel only had a body, and because it was headless, it seemed like Yong Joon’s own head was attached to its body. Perhaps he really is an angel after all… And underneath the jacket he just maybe hiding his wings ^^
Translate English to Thai by inkja /Thank you^-^
เจ็ดเทวดาบนเสื้อผ้าของ ยองจุน
ในเดือนสิงหาคม ปี2005 ยองจุนได้เริ่มออกทัวร์เพื่อโปรโมทภาพยนตร์เรื่องApril snow
ในบรรดาประเทศในแถบเอเชียทั้งหมด ไต้หวันแทบจะเป็นประเทศแรกที่มีการแพร่ภาพออกอากาศละครเรื่อง Hotelierและยังเป็นประเทศที่มีแฟนคลับมาอย่างยาวนานตั้งแต่ก่อนช่วงของละครWinter Sonataเสียอีก
ฉันคิดว่าเป็นการถูกต้องแล้วที่ยองจุนจะเริ่มต้นการเดินทางเพื่อโปรโมทละครเรื่องUntold Scandal ปี2004และApril Snow โดยเริ่มออกเดินทางจากไต้หวันเราครอบครัวชาวไต้หวันรู้สึกภาคภูมิใจกับเรื่องนี้กันมาก ครอบครัวชาวไต้หวันของเรานั้นดุเหมือนจะได้รับการต้อนรับจากแฟนคลับชาวญี่ปุ่นอย่างเต็มอกเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ในการไปร่วมงานในครั้งนี้
แต่เนื่องจากเวลาในการจัดงานไปตรงกับเทศกาลปล่อยผีghost holidayพอดี ครอบครัวของเราจึงรู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจนักกับแฟนคลับจำนวนมากมายที่จะเข้าร่วมงาน ฉันจึงตัดสินใจที่จะรวบรวมผู้คนที่ต้องการไปร่วมงานจริงๆให้ได้มากที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้
เนื่องจากฉันไม่เคยทำกิจกรรมบางอย่างเช่น การไปต้อนรับยองจุนที่สนามบินมาก่อน ฉันจึงยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็น เบ ยองจุน ตัวจริงๆเลยสักครั้ง และฉันก็ไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลยว่าปาฏิหาริย์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับฉัน (ฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังทีหลังค่ะ)ในการเดินทางจากไต้หวันครั้งนี้เราชาวแฟนคลับจากB.S.Jได้นำป้ายขนาดใหญ่ไปด้วยสองแผ่น แผ่นหนึ่งมีข้อความเขียนไว้ว่า .Insuya Aigoo Charuwatta (ขอโทษนะคะ ฉันไม่ทราบว่าออกเสียงเป็นภาษาเกาหลีที่ถูกต้องว่าอย่างไร)
จริงๆแล้ววัตถุประสงค์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ป้ายขนาดยักษ์ของเราคือ ต้องการให้ยองจุนได้หัวเราะและรู้สึกผ่อนคลายไม่เครียด วลีนั้นเป็นภาษาเกาหลีมีความหมายว่า “กรี๊ด ดีใจจังที่คุณมา หรือ มาเร้วว ดูสิใครมาเอ่ย” ประมาณนั้น และพวกเราก็ทำให้ชาวเกาหลีที่มองเห็นป้ายนั้นพากันหัวเราะ เนื่องจากเจ้าชายที่รักของเรานั้นดูจะกังวลนิดหน่อยเวลาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ เราจึงอยากให้เขาได้ผ่อนคลายเมื่อได้เห็นป้ายที่รื่นเริงอันนี้
ในวันที่สองที่อยู่ในญี่ปุ่น เขาเดินทางไปเยี่ยมแฟนคลับที่ล้มป่วยที่โรงพยาบาล เมื่อเขาเดินทางกลับถึงโรงแรมที่พัก เขามีท่าทางไม่ค่อยสบายใจนักอาจจะเพราะการที่ได้ไปเห็นแฟนคลับที่อาการหนักในโรงพยาบาลก็ได้ แต่เมื่อเขาก้าวลงจากรถและมองมาเห็นป้ายของเราตรงประตูทางเข้า เขาก็อุทานออกมาว่า “อ๊า “แล้วยกมือปิดปาก หัวเราะดังลั่นพร้อมกับชี้มือมาทางป้ายของเรา เห็นไหม เราทำได้จริงๆด้วย นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเราจริงๆ ที่จริงแล้วเราได้ความคิดเกี่ยวกับคำที่จะใช้เขียนลงบนป้ายเยอะแยะมากมายไปหมด แต่มีข้อความหนึ่งที่ประทับใจพวกเราและมันก็ผ่านการพิจารณามาจนถึงรอบสุดท้าย
ข้อความนั้นบอกว่า Aiyoo Kuminyashenshiya วลีนั้นมักนิยมใช้ในสถานการณ์ที่ครอบครัวที่แยกย้ายกันไปเป็นเวลายาวนาน ได้มีโอกาสกลับมาอยู่ด้วยกันอีก มันเป็นภาพหญิงชราตัวเล็กๆที่แสดงความตื่นเต้นยินดีด้วยท่าทางร่างกายของเธอ เธอทุบมือทั้งสองลงบนพื้นและอุทานว่า “ฉันกำลังฝันไปใช่ไหม มันเป็นภาพลวงตาใช่หรือเปล่า” ประโยคนั้นเป็นวลีที่ใช้ในการแสดงความตื่นเต้นยินดีสุดขีดที่ได้เห็นใครบางคนซึ่งเหมือนเป็นภาพลวงตา และไม่สามารถบอกได้ว่าเขายังมีชิวิตอยู่หรือตายไปแล้ว อีกไม่นานต่อมาคุณก็จะได้เห็นว่าคำพูดนี้ทำให้ยองจุนหัวเราะหัวสั่นหัวคลอนในตอนที่มองมาเห็นป้ายนี้
วันสุดท้ายของการพำนักอยู่ในไต้หวัน หลังจากที่ยองจุนไปร่วมงานพบปะกับบรรดาแฟนคลับแล้ว เขาก็เดินทางกลับมาที่โรงแรมและเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นเสื้อแจ๊คเก็ตสีขาว ที่สนามบิน บรรดาสื่อต่างๆของไต้หวันต่างพากันมารุมล้อมเขาอย่างหนาแน่น พวกเขาเดินรุมล้อมยองจุน เหมือนกับเป็นม็อบขนาดใหญ่ซึ่งดูน่ากลัวมาก แต่มีนักท่องเที่ยวบางคนที่เหลือบไปเห็นกองทัพของฝูงชนซึ่งมีกล้องถ่ายรูปอยู่ในมือ พวกนักท่องเที่ยวเหล่านั้นจึงพากันไปรวมตัวกับผู้คนที่กำลังรุมล้อมเขาอยู่
จนกลายเป็นกลุ่มก้อนฝูงชนขนาดใหญ่ขึ้นไปอีกบางคนก็ตะโกนว่า “นั่น เบ ยอง จุนนี่ ไหนๆเขาอยู่ตรงไหน” สถานการณ์เริ่มบานปลายจนเกินจะรับมือได้เสียแล้ว พวกนักข่าวมักจะเขียนข่าวในทำนองที่ว่า เบยองจุนก่อให้เกิดความวุ่นวายจากการรวมตัวของแฟนคลับที่สนามบิน แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือ
ในขณะที่เขากำลังเดินขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นไปยังห้องรับรองวีไอพีบนชั้นสองอยู่นั้น มียางคนที่พยายามจะถ่ายภาพของเขาจากบันไดขาลงและเกิดเสียหลักล้มลง ดุเหมือนว่าเสื้อของเขาจะไปติดอยู่ในบันไดเลื่อนจึงทำให้เขาลุกขึ้นยืนได้อย่างยากลำบาก แต่เพราะบรรดาช่างภาพต่างก็วุ่นวายกับการถ่ายภาพของยองจุน แต่คุณทราบไหมคะว่า คนแรกที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือชายคนดังกล่าว คือ ยองจุน ทั้งๆที่ตัวเบยองจุนอยู่ด้านตรงกันข้ามกับชายคนนั้นด้วยซ้ำไป เขาช่างเป็นผู้ชายที่แสนดีอะไรเช่นนี้นะ แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกรุมล้อมจนตัวเองเกือบตายแท้ๆ
ฉันยืนมองภาพนั้นจากด้านล่างของบันไดเลื่อน วินาทีนั้นฉันจึงมองเห็นว่า ยองจุนแต่งตัวอย่างไร ด้านหลังเสื้อแจ๊คเก้ตสีขาวของเขา มีลายเทวดาเจ็ดองค์พิมพ์ติดอยู่ เทวดาองค์ที่แปดนั้นมีแต่ส่วนลำตัว ไม่มีศีรษะ เลยดูเหมือนว่าหัวของยงจุนไปต่อกับลำตัวพอดีอาจจะเป็นเพราะยองจุนนั้นแหละเป็นเทวดาจริงๆก็ได้นะ และเขามีปีกซ่อนอยู่ใต้เสื้อของเขาแน่ๆๆ
No comments:
Post a Comment