Source : BYJ'sQuilt
Post by : happiebb/Thank you for sharing to us
translated into english: cloudnine / bb's blog
Click Link to read News version translated into english
***************************************************************
Translate English to Thai by Aun
original in japanese: AERA 2008/06/30
scanned & posted by: miemi / byjgallery
Translated into english: cloudnine / bb's blog
ความสัมพันธ์ระหว่างเบยองจุนและเทพทั้ง 4 เปิดเผยเรื่องราวโดย นักแสดงในเรื่อง
กว่า 2 ปีในการถ่ายทำ ฉันได้ยินว่า พวกเขากลายเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว ในเรื่อง เทพผู้พิทักษ์ทั้ง 4 จะต้องคอยคุ้มครองนักแสดงนำของเรื่อง ซึ่งแสดงโดย เบยองจุน แล้วก็เหมือนว่าละครจะกลายมาเป็นชีวิตจริง ในขณะที่พวกเขาแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา ความผูกพันก็เริ่มก่อตัวขึ้น
สัมภาษณ์โดย รูมิ ฮายาชิ
“จริงๆแล้วผมว่า มันยากนะที่นักแสดงในเรื่องจะสนิทกันผ่านงานที่ทำ”นี่คือสิ่งที่เบยองจุน (วัย 35 ปี) กล่าวขณะที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น การแข่งขันด้านวงการบันเทิงของเกาหลีที่สูงขึ้น ทำให้ต้องแสดงศักยภาพของตนออกมา และนี่ก็เป็นการสะท้อนความรู้สึกลึกๆของเขาจากประสบการณ์ที่เขาได้รับตลอด 14 ปี ที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ ในฐานะนักแสดงนำ สำหรับเบยองจุน การเป็นนักแสดงนำในเรื่อง TWSSG ที่ใช้เวลาถ่ายทำกว่า 2 ปี กลายเป็นผลงานที่พิเศษมากๆ “เมื่อได้ทำงานชิ้นนี้ ผมรู้สึกเหมือนมีน้องชาย น้องสาวและพี่ชายแท้ๆ เลยครับ ด้วยเหตุนี้ทำให้การถ่ายทำเป็นไปด้วยความสนุกสนานครับ”
เรื่องราวของละครเรื่องนี้คือ ถัมต๊อก (กษัตริย์แห่งโกคุเรียว) ที่ต้องเผชิญกับชะตาชีวิตที่ถูกลิขิตพร้อมๆกับการจุติของเทพผู้พิทักษ์ทั้ง 4 การฟ่าฟันต่ออุปสรรคเพื่อเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ที่เกรียงไกร ถัมต๊อกจะสานสัมพันธ์กับเทพทั้ง 4 ได้อย่างไร ก็ถือเป็นอีกจุดเด่นของเรื่องที่น่าติดตาม
ซินเดอร์เรล่าที่กล้าหาญ
อีจีอา (วัย 27 ปี) รับบท ซูจีนี เทพแห่งวิหคเพลิงที่กลับชาติมาเกิดใหม่ ได้รับการยกย่องจากคนเกาหลีอย่างมากว่า เป็นคนที่ตั้งใจแสดงและทุ่มเทให้กับงาน พวกเขาบอกว่า “เธอไม่เหมือนนักแสดงหน้าใหม่เลย” นี่เป็นผลงานเรื่องแรกของเธอและที่สำคัญเธอได้แสดงคู่กับเบยองจุน อย่างไรก็ตามในเรื่อง เธอแสดงถึงความกล้าหาญออกมาได้อย่างชัดเจน ลักษณะนิสัยห้าวๆแต่น่ารักนี้ ทำให้ตัวละครนี้เป็นทิ่นิยมในหมู่เด็กผู้หญิงด้วย
“นี่เป็นการแสดงครั้งแรกของฉันค่ะ เมื่อ 3 ปีก่อน ฉันพบว่า อาชีพนักแสดงที่ได้สื่ออารมณ์ต่างๆ มันน่าดึงดูดใจมากๆเลยค่ะ เพราะงั้นฉันก็เลยลองเข้ารับการคัดเลือก พอมาคิดดูแล้วมันอาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้นะคะ”การควบคุมอารมณ์ที่แสดงออกมาและความกล้าหาญ อาจจะได้รับมาจากการเลี้ยงดู หลังจากที่เธอเรียนจบในชั้นอนุบาลที่เกาหลี เธอก็ไปเรียนต่อที่ L.A. ในขณะที่เธอเรียนวิชาเอกด้านการออกแบบในมหาวิทยาลัย ไม่เพียงแต่ภาษาอังกฤษเท่านั้นที่เธอสามารถพูดได้ แต่เธอยังมีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นเธอก็เลยสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างคล่องแคล่วทีเดียว “ด้วยความเป็นธรรมชาติและเป็นคนปรับตัวได้ง่าย ซูจีนีและฉันก็เลยมีอะไรคล้ายๆกันค่ะ มีเด็กผู้ชายที่เรียกฉันว่า ฮยอง (พี่ชาย) ด้วยนะคะ (หัวเราะ) ตอนเรื่องใกล้ๆจะจบ ฉันว่า มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะต้องแสดงความเปลี่ยนแปลงด้านความรู้สึกของซูจีนี ที่ยอมรับชะตาชีวิตของตนเอง
ก่อนที่เธอจะได้รับบทนำนี้ เธอต้องผ่านการคัดเลือกกว่า 30 ครั้ง ก่อนการถ่ายทำ เธอใช้เวลากว่า 1 ปีในการฝึกยิงธนูและขี่ม้า ด้วยความพยายามนี้เอง ทำให้เธอแสดงฉากแอ๊คชั่นต่างๆด้วยตัวของเธอเอง“การฝึกที่หนักขนาดนั้น ฉันคงทำมันอีกเป็นครั้งที่สองไม่ได้แน่ๆเลยค่ะ (หัวเราะ) จริงๆแล้วฉันเป็นคนชอบเล่นกีฬานะคะและฉันก็ชอบเล่นสโนวบอร์ดที่สุดเลยค่ะ เพราะการถ่ายทำต้องใช้เวลานานมาก ฉันเลยต้องพยายามอดทน แล้วฉันก็ได้เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองภายใต้ความกดดันต่างๆ ด้วยค่ะ”
การได้แสดงคู่กับเบยองจุน มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นและเหตุการณ์ที่ทำให้เธอประทับใจมากๆก็คือ ตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บที่นิ้วมือ “ ตอนนั้นฉันอยู่ข้างๆเขา โดยไม่รู้ว่ามีการใช้ดาบจริงค่ะ ทุกคนคิดว่ามันคงไม่มีอะไรร้ายแรง พวกเขาก็เลยห้ามเลือดและถ่ายฉากต่อไปค่ะ ซึ่งพวกเรามารู้ทีหลังว่า เส้นเอนของเขาขาดค่ะ และนั่นก็ทำให้ฉันประทับใจตัวตัวเขามากๆ เพราะเขาไม่อยากให้ใครต้องเป็นห่วงและแสดงต่อโดยไม่ให้ใครรู้ว่าเขาเจ็บแค่ไหนค่ะ”
ตอนนี้เธอได้รับบทนำในละครเรื่องต่อไปแล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่ง เธอก็ยังสนใจในศิลปะและเธอก็ได้แสดงความสามารถโดยการออกแบบเวบไซด์อย่างเป็นทางการของเธอ ด้วยตัวของเธอเองด้วย
“ฉันไม่ได้เน้นว่าตัวละครที่ฉันเล่นจะต้องเป็นคนที่สวยอย่างเดียวค่ะ ฉันหวังว่า ฉันจะสามารถอินไปกับบทที่จะต้องแสดงออกความรู้สึกของคนๆหนึ่งออกมา พร้อมๆกับงานศิลปะที่ฉันอยากจะควบคู่ไปกับการแสดงค่ะ”
นักธุรกิจชาวอเมริกันหันมาเป็นนักแสดง
ในจำนวนเทพทั้ง 4 การปรากฏตัวของนักแสดงหน้าใหม่ที่น่าจับตามองอีกหนึ่งคนคือ ลี ฟิลลิป ซึ่งรับบท ซอรุ เทพมังกรฟ้าที่กลับชาติมาเกิดใหม่ เขาปรากฏตัวครั้งแรกพร้อมกับหน้ากาก แต่เมื่อหน้ากากถูกถอดออก เราก็ได้เห็นหนุ่มหล่อผมยาวที่สร้างกระแสให้สาวๆในเกาหลีหลงรักเขาทันที และเขาก็ยังได้รับการติดต่อมากมายจากการขอสัมภาษณ์และการถ่ายโฆษณา
นี่ก็เป็นผลงานเรื่องแรกของฟิลลิปเช่นกัน เขาเป็นลูกครึ่งอเมริกัน – เกาหลี หลังจากเรียนจบที่วิทยาลัยบอสตัน เขาก็เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ก่อนจะกลายมาเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่เก่งด้านการจัดระบบ IT ผู้กำกับคิมเลือกนักแสดงหน้าใหม่ เพราะเขาไม่ได้ต้องการให้ตัวซอรุมีภาพลักษ์ที่เจาะจงเกินไป
“การเป็นนักแสดงเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันมาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กครับ ผมเลือกที่จะลองอาชีพนักแสดง เพราะผมคิดว่า ต่อไปผมค่อยไปทำงานธุรกิจก็ได้ และนั่นก็ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป ผมได้เรียนรู้วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เกาหลีผ่านทางละครเรื่องนี้ ซึ่งผมรู้สึกว่ามันดีมากเลยครับ” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มลึก พร้อมกับดวงตาที่อ่อนโยน เขาดูสุภาพและสดใสมากทีเดียว
“ซอรุ เป็นตัวละครที่ไม่สามารถเติมเต็มความรักของเขาได้ เขามักจะเฝ้ามองคนที่เขารักอย่างเงียบๆ และนั่นก็ทำให้ผมชอบบทนี้ครับ หลังจากที่ทำความเข้าใจกับบทที่ผมได้รับแล้ว ผมก็ได้เรียนรู้ที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกผ่านทางสายตาครับ”
ตอนท้ายๆของเรื่อง ความรักที่แสนเศร้าของเขาตรึงใจผู้ชมได้อย่างดีทีเดียว
“ซอรุและผมมีอะไรคล้ายๆกัน คือ พวกเราเป็นคนรักเดียวใจเดียวครับ แม้ผมจะคิดว่า เขารักข้างเดียวก็เถอะ (หัวเราะ)” ตอนที่เริ่มถ่ายทำแรกๆ เขาพูดภาษาเกาหลีได้ไม่คล่องนักและมักจะสับสนเสมอ แล้วก็เป็นเบยองจุนที่คอยช่วยเหลือเขา “ผมได้เรียนรู้สิ่งๆต่างจากเขา ไม่ใช่แค่เรื่องการแสดงเท่านั้นนะครับ แต่ยังมีเรื่องเทคนิคต่างๆด้วย ตอนแรกผมไม่รู้ว่า พวกเขาถ่ายมาที่ผมตรงไหน ที่หน้าหรือว่าทั้งตัว เพราะฉะนั้นเขาก็สอนผมตั้งแต่ต้นเลยครับ ว่าผมต้องแสดงยังไงถึงจะออกมาดีหรือไม่ก็ผมควรจะต้องทำอะไรบ้าง เขาเหมือนเป็นพี่ชายแท้ๆของผมเลยครับ”
เมื่อพวกเขาอยู่ที่ญี่ปุ่น เขาจะอยู่ใกล้ๆเบยองจุน เพราะขาของเบยองจุนยังไม่หายสนิท ฟิลลิปจึงคอยช่วยเหลือเขาเสมอ เบยองจุนจัดงานฉลองวันเกิดให้ฟิลลิปในวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ในร้านอาหารของเขาเอง เทพผู้พิทักษ์คนอื่นๆอย่าง โอควองรกและปาร์คซุงวอนก็ไปร่วมงานด้วย พวกเขาดื่มกันจนถึงเช้าอีกวันทีเดียว พวกเขาสี่คนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจริงๆ “ระหว่างการถ่ายทำ ผมได้รับประสบการณ์มากมาย แต่สิ่งที่ผมดีใจมากที่สุดคือ ผมได้พบรุ่นพี่ที่ดีและสนิทกันจนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเลยครับ”
เมื่อถามเกี่ยวกับจุดเด่นของเรื่อง เขาก็ให้คำตอบดังนี้ “ฉากที่ผมปรากฏตัวครับ (หัวเราะ) ผมมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้ทำงานที่ใหญ่ระดับเอเชีย มีนักแสดงชายมากมายที่หล่อกว่าผม เพราะฉะนั้นผมก็อยากจะเป็นนักแสดงที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกภายในออกมาได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงรูปลักษณ์ภายนอกครับ”
