Chat Box


Get your own Chat Box! Go Large!

save รูปในBlog นี้อย่างไรให้ได้ภาพใหญ่

เพื่อนๆหลายคนที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog นี้มดเชื่ออย่างแน่นอนเลยคะว่าหลายคนก็อยากจะได้ภาพของยงจุนที่มดนำมาลงไปเก็บไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของแต่ละคนแต่ก็คงจะมีเพื่อนๆบางคนได้ลอง save ภาพเก็บกันแล้ว ก็อาจจะบอกว่า ทำไมได้ภาพเล็กแบบนี้หล่ะ

การ save ที่ถูกวิธีนั้น เพื่อนๆจะต้องเอาเม้าท์ไปคลิก(ซ้าย)ที่รูปภาพก่อนนะคะ จากนั้นเว็บก็จะทำการLink ไปยังหน้าที่มดได้ฝากไฟล์รูปภาพ จากนั้นเพื่อนๆก็จะเห็นรูปที่มีขนาดใหญ่ปรากฎ จากนั้นค่อยนำเม้าท์มาชี้ที่รูปภาพแล้วคลิกขวาทำการ Save picture As เป็นอันจบขั้นตอน แล้วทุกคนก็จะได้ภาพขนาดใหญ่กลับไป
ต่อไปนี้ก็คงจะได้ทราบวิธีการ Save ภาพที่ถูกต้องกันแล้วนะคะ ขอให้มีความสุขกับการเก็บภาพและรอยยิ้มที่น่ารักของ Bae Yong Joonกันนะคะ
Save คลิปวีดโอในบล๊อกนี้อย่างไร

นำเม้าส์ชี้ที่คำว่าDownload Hereแคลิกขวาเลือกคำสั่ง Save Target As จากนั้นเลือกโฟเดอร์ที่เราจะทำการบันทึกไฟล์ กด Save อักครั้งเป็นอนจบขั้นตอนคะ

17.7.08

คุณขอมา เราจัดไป(Whatever you ask for ,I'll serve you) ^-^

Thank you angelliz for sharing to us

Download Here <<<<<<<< OST.Hotelier

Download Here<<<<<< OST.Winter Love Song

Download Here<<<<<< OST.April Snow

You can download it from the following url

เพื่อนๆทุกคนสามารถ Download ตามลิงค์ที่ลงให้แล้วนะคะ

คงจะถูกใจกับช่วง คุณขอมา เราจัดไปกันนะคะ ^-^

[Trans] the bond betw YJ & four gods (2/2)

Source : BYJ'sQuilt Post by : happiebb/Thank you for sharing to us
translated into english: cloudnine / bb's blog

[Trans] the bond betw YJ & four gods (2/2)

Click Link to read News version translated into english

***************************************************************

Translate English to Thai by Aun

original in japanese: AERA 2008/06/30 scanned & posted by: miemi / byjgallery Translated into english: cloudnine / bb's blog

นักกวี ผู้ถักทอเรื่องราวด้วยบทพูด

ขณะที่ละครเรื่องนี้มีนักแสดงหน้าใหม่มากมาย TWSSG ก็ยังแสดงถึงความลงตัวของนักแสดงมากฝีมือ รวมถึงเบยองจุนด้วย

โอ ควาง รก (อายุ 45 ปี) รับบท ฮยอนโก เทพเต่าคะนองที่กลับชาติมาเกิดใหม่ เป็นนักแสดงฝีมือดีที่ผ่านงานละครมามากมาย รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Old Boy ด้วย เขามีจุดเด่นที่เสียงทุ้มต่ำ ในประเทศที่มีคนที่สนใจอ่านบทกลอน เขาถือว่าเป็นนักกวีคนหนึ่งทีเดียว ในละครเรื่องนี้ บ่อยครั้งที่เขาแสดงโดยไม่ได้อ่านบทมาล่วงหน้า “(จากดวงดาวและดวงจันทร์สู่สายฝน) เป็นคำพูดของฮยอนโกที่ไม่ได้มีการเตรียมกันมาก่อนและผมก็ชอบมันมากครับ ฮยอนโกเป็นคนซื่อบริสุทธิ์และสามารถหยั่งรู้ฟ้าดิน ผมพยายามจะแสดงออกไม่ใช่ให้เหมือนกับบทในตำนาน แต่เป็นคนที่รอบรู้และให้ความสำคัญกับผู้อื่นอย่างเท่าเทียมกันด้วยครับ”

นี่เป็นละครเรื่องที่ 2 ของเขา เขาเปิดเผยว่า เหตุผลที่เขารับแสดงเรื่องนี้มาจากบทพูดแบบบทกวี “เพราะว่าเนื้อหาของละครเรื่องนี้บ่งบอกถึงความสงบสุขที่ดำเนินมา จากนั้นก็ค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย ด้วยการสอดประสานกับภาพที่ลงตัว ตัวละครแต่ละตัวจึงสามารถแสดงจุดเด่นออกมาได้ ผมชอบภาพลักษณ์ของกษัตริย์ที่ให้ความสำคัญก็ตัวละครทุกตัวครับ”

ในบรรดาเทพผู้พิทักษ์ทั้ง 4 เขาเป็นคนเดียวที่เป็นรุ่นพี่ของเบยองจุน “พูดถึงเรื่องการแสดงแล้ว พวกเราไว้ใจซึ่งกันและกันครับ เขาเป็นคนหนุ่มที่บริสุทธิ์และมีจิตใจดี ผมไม่ใช่คนที่ชอบยอใครนะครับ แต่เมื่อผมได้เห็นความยากลำบากจากบทบาทที่เขาได้รับและการที่เขาทุ่มเทให้กับงานมากกว่าใคร เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ทำให้ผมนับถือเขามากทีเดียว และผมยังชื่นชมเขาที่คอยแสดงความเป็นห่วงเป็นใยทีมงานและเขาก็สุภาพกับพวกเขามากๆด้วยครับ”

ในขณะที่การทำถ่ายทำเป็นไปอย่างยากลำบาก เขา (ยองจุน) ก็พยายามต่อสู้กับอุปสรรคนั้นๆ เวลาเขายิ้มเหมือนเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งจริงๆ “เมื่อพวกเราต้องถ่ายฉากที่เสี่ยงอันตราย พวกเรามักจะนั่งรวมกันและแลกเปลี่ยนความคิดของแต่ละคนครับ การที่ได้ใช้เวลาร่วมกันนานๆ ทำให้ใจของเราสื่อถึงกันได้ เปรียบเสมือนกำแพงที่กั้นขวางถูกทำลายลง พวกเราเป็นเพื่อนคนสำคัญของกันและกันครับ”

ได้รับความสนใจจากบทที่เต็มเปี่ยมด้วยมนุษยธรรม

การกลับชาติมาเกิดของเทพพยัคฆ์ขาว เนื่องจากทรงผมที่มีเอกลักษณ์และบุคลิกที่กล้าหาญ จูมูชีจึงเป็นอีกตัวละครหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ปาร์ค ซึง วุน (อายุ 35 ปี) ผู้รับบทนี้สูงถึง 187 ซม. เขาเป็นคนที่รูปร่างสูงใหญ่ แต่เมื่อได้สนิทกับเขา จะรู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนที่ดูอ่อนโยนมากทีเดียว ระหว่างเขากับจูมูชีมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เขาเล่าเรื่องตลก “จูมูชีได้รับความสนใจจากเทพพยัคฆ์ขาว แต่ผมได้รับความสนใจจากเรื่อง TWSSG (หัวเราะ) มันเป็นเรื่องสำคัญนะครับที่นักแสดงจะได้รับความสนใจมากแค่ไหน (ต่อสาธารณชนหรือผู้ชม) ผมเป็นนักแสดงมากว่า 12 ปีและไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก ผมโชคดีจริงๆนะครับที่มีโอกาสเป็นที่รู้จักอย่างนี้”

การแสดงฉากแอ๊คชั่นด้วยขวานของเขาทั้งสวยงามและทรงพลัง เขาขอแสดงฉากการทำสงครามที่ทะเลทรายใน Kryganistan ด้วยตัวของเขาเองและปฏิเสธที่จะใช้สตั๊นแมน ซึ่งจริงๆแล้ว เขาได้พัฒนาทักษะของเขาในระยะเวลาที่ผ่านๆมา “ในปีแรกที่ผมเป็นนักเรียนการแสดงในโรงเรียนสอนการต่อสู้ นอกเหนือจากการแสดงแล้ว ผมยังได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้อีกด้วยและมันก็ช่วยผมได้มากเลยครับ เพราะว่าไม่มีสตั๊นแมนคนไหนที่มีทรงผมเหมือนผม เพราะงั้นผมเลยต้องแสดงเองทั้งหมด แล้วก็มีอยู่ครั้งนึงที่ผมอาจจะตายได้ ถ้าผมทำผิดแค่นิดเดียวครับ”

ก่อนหน้านี้คนเคยรับบทคนร้ายในหลายเรื่องๆ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นคนที่มีความรู้ที่กว้างขวาง เนื่องจากเขาเรียนจบปริญญาตรีด้านกฎหมาย เขาอายุเท่าเบยองจุนและมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันขณะที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น“เนื่องจากพวกเราเป็นนักแสดงมาหลายปี การแสดงในคอนเสิร์ตจึงเป็นเรื่องง่าย เบยองจุนยังคิดบทให้ผมแบบสดๆเลยครับ แล้วผมก็ไว้ใจเขาด้วย ผมพยายามจะแสดงเป็นตัวละครนั้นๆด้วยความรู้สึกที่มี สิ่งเดียวที่ทำให้ผมกังวลใจก็คือ ทรงผม นี่แหละครับ (หัวเราะ) ระหว่างการถ่ายทำที่ยาวนาน ภาพที่ผมประทับใจมากที่สุดคือ ตอนที่เบยองจุนและผู้กำกับคิมกอดกันและร้องไห้ หลังจากการถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์ครับ”

นักแสดงหญิงผู้ยอมรับในชะตากรรม

คีฮา เป็นพี่สาวของซูจีนี เทพวิหคเพลิงที่กลับชาติมาเกิดใหม่และเป็นผู้ครอบครองดวงจิตแห่งหงส์ไฟอีกคนมูนโซริ ถือเป็นนักแสดงหญิงชั้นแนวหน้าของเกาหลี ที่เคยได้รับรางวัลจากงานเทศกาลภาพยนตร์ระดับนานาชาติมาแล้ว อย่างจากในภาพยนตร์เรื่อง โอเอซิส เป็นต้น การปรากฏตัวครั้งแรกในละครของเธอดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้มากทีเดียว ผู้กำกับเลือกเธอ เพราะเขาคิดว่า มีแค่เธอเท่านั้นที่สามารถแสดงเป็นคีฮา ผู้ที่เก็บความลับและพลังที่ซ่อนเร้นได้

“ทำไมฉันต้องทนกับชะตากรรมที่แสนเศร้านี้ด้วยนะ แค่ไปที่สถานที่ถ่ายทำ แม้ว่าจะไม่ใช่ฉากที่ต้องร้องไห้ แต่น้ำตาก็มักจะเอ่อล้นออกมาเสมอ ในฉากที่ลูกของฉันถูกขโมยไป ฉันร้องไห้อย่างหนักกว่า 8 นาที ซึ่งฉันก็จำไม่ได้ค่ะ ว่าฉันทำมันได้ยังไง คนส่วนมากดูบุคลิกของฉัน ก็มักจะคิดว่า ฉันเป็นคนที่ร้องไห้ยาก แต่เมื่อการถ่ายทำวันนั้นสิ้นสุดลง (พวกเราไม่เคยเห็นใครร้องไห้ได้อย่างมูนโซริเลย)”

คีฮามีสายตาที่แข็งกร้าวมาก ฉันเลยสงสัยว่า มูโซริจะเป็นคนที่แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างนั้นรึเปล่า“ฉันพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็กค่ะ เพราะฉันไม่อยากเป็นคนประเภทนั้น แต่ฉันก็คิดว่า บางครั้งความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นบ้างเหมือนกันนะคะ อาชีพนักแสดงเป็นสิ่งที่ตรงกับความรู้สึกของฉันมากที่สุด ดังนั้นบางทีโชคชะตาอาจจะลิขิตมาให้ฉันเป็นนักแสดงก็ได้ค่ะ”

ในเกาหลี เธอเป็นที่รู้จักในเรื่องการออกความเห็นต่อสังคม“จริงๆแล้ว ฉันคิดว่า อาชีพนักแสดงเป็นงานที่อิสระนะคะ อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นงานที่ไม่สามารถทำให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยตัวคนๆเดียว คนเรามีส่วนเชื่อมโยงกับสังคม การออกความเห็นต่อสังคม จะทำให้เราสามารถแลกเปลี่ยนทัศนะคติกันได้อย่างอิสระ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้ในเกาหลี ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ฉันก็เพียงแค่อยากจะพูดในสิ่งที่ฉันคิดค่ะ”

ระหว่างการถ่ายทำ เธอได้แต่งงานกับผู้กำกับภาพยนตร์ จาง จู ฮวาน ซึ่งสามีภรรยาคู่นี้ก็สนิทกับเบยองจุนเป็นการส่วนตัวด้วย “(ในเรื่อง) เมื่อถัมต๊อกมีท่าทีเฉยชาต่อคีฮา คุณเบยองจุนก็มักจะชมและใจดีกับฉันเสมอค่ะ เขามักจะให้กำลังใจฉันโดยพูดว่า คีฮาที่น่าสงสาร”

เมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้น เธอก็ไปไคโร ซึ่งเธอก็ประหลาดใจมากที่ได้รู้ว่า เบยองจุน มีชื่อเสียงโด่งดังมากจากเรื่อง WLS (Winter love song) “ที่โรงแรม มีผุ้หญิงที่คลุมหน้าด้วยผ้าสีดำเดินเข้ามาฉันและพูดว่า ‘คุณคีฮาคะ พวกเราเป็นแฟนละครชาวอิยิปต์ค่ะ’ และพวกเขาก็ขอให้ฉันเอาของขวัญให้เบยองจุนค่ะ”

ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่เธอได้รับรู้ความนิยมของเบยองจุนในประเทศญี่ปุ่น “มันยากมากเลยนะคะที่นักแสดงคนหนึ่งจะได้รับความรักมากมายขนาดนี้ เมื่อเราคิดถึงประวัติศาสตร์ของเกาหลีและญี่ปุ่น วิถีการดำเนินชีวิตและวัฒนธรรม พร้อมๆกับคนเกาหลีที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น มันเป็นสิ่งที่เยี่ยมมากเลยค่ะ ถ้าเราสามารถส่งต่อความประทับใจต่างๆเหล่านี้ได้ ฉันคิดว่า บางทีเราอาจจะสามารถสร้างความสัมพันธ์โดยการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันก็ได้ค่ะ”

เบยองจุนก็เคยพูดว่า การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต้องไม่คำนึงถึงเรื่องพรมแดน ซึ่งเป็นความคิดที่เขามีร่วมกับคนอื่นๆ ความผูกพันของเทพทั้งสี่ ช่างลึกซึ้งจริงๆ

[Trans] AERA part 2: on love & life (1/2)

Source : BYJ'sQuilt Post by : happiebb/Thank you
translated into english: cloudnine / bb's blog
Click Link to read News version translated into english

***************************************************************

Translate English to Thai by angelliz

original in japanese: AERA 2008/06/30 scanned & posted by: miemi / byjgallery Translated into english: cloudnine / bb's blog

bb: ยังจำบทสัมภาษณ์ของ AERA เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้มั๊ย ที่ฉันบอกไปว่านั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของตอนแรกเท่านั้น ในส่วนของตอนที่ที่สองนั้นน่าสนใจทีเดียว เค้า (เบยองจุน) จะทำให้เราได้สัมผัสกับความรักและชีวิตของเค้า

เบยองจุน (ผมต้องการแสดงความรักด้วยคำพูด)

สิ่งที่เค้าบอกกับ AERA ตอนที่ 2 ที่นี่ที่เดียว

AERA - ในขณะที่การสัมภาษณ์ผ่านไปเรื่อยๆ เค้าดูเหมือนผ่อนคลายมากขึ้นในการพูดถึงความรักและชีวิตของเค้า คำพูดของเค้าดูเปิดเผยมากยิ่งขึ้น ต่อจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้ถ่ายทอดความคิดอย่างเปิดเผยของเค้า และครั้งนี้อีกครั้งเช่นกัน

ระหว่างที่เค้าอยู่ที่ญี่ปุ่นนั้น เบยองจุนให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีว่า “ผมอยากจะแต่งงานภายใน 3 ปี” กลายเป็นประเด็นที่ทำมห้ผู้คนสนใจ ฉันคิดว่าเค้าพูดออกมาตามความคิดของเค้าถึงแม้ว่าตอนนี้เค้าจะยังไม่มีใครเลยก็ตาม

ละคร TWSSG นักแสดงเบยองจุน สิ่งที่เราให้ความสนใจก็คือการพัฒนาความรักของถัมด๊อก บทบาทซึ่งเบยองจุนได้รับ กับผู้หญิงที่มีลักษณะแตกต่างกัน สองพี่น้องคีฮาและซูจีนี ใครที่จะมาเป็นคู่รักของเค้า เบยองจุนเคยแสดงในละครที่มีเรื่องราวความรักแสนเศร้ามาบ้างแล้ว การแสดงของเค้าสามารถถ่ายทอดความเจ็บปวดในเรื่องความรักได้ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้ผู้ชมให้ความสนใจ

การได้รับความรักจากผู้หญิง...

AERA : คีฮาโอบกอดความรักด้วยความอบอุ่น และซูจีนี ทอมบอยที่สดใสความรักแบบไหนที่คุณต้องการคะ?

เบยองจุน : ทั้งคีฮาและซูจีนี... ในละครนั้น ตอนแรกถัมด๊อกไม่รู้ว่าซูจีนีรักเค้าครับ เค้าไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่เค้ารู้สึกนั้นคือความรัก เพราะเค้าคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเค้ากับคีฮา คนที่เค้ารักมาตั้งแต่เด็กคือความรัก และเค้าเองก็ไม่สามารถลบความรู้สึกที่เค้ามีต่อเธอไปจากใจได้ การได้รับบทบาทเป็นถัมด๊อกนั้น อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ซูจีนีเปิดเผยความรู้สึกของเธอออกมานั้น ผมรู้สึกข้องใจมากเลยครับ ทำไมเค้าถึงไม่เข้าใจความรู้สึกของซูจีนีนะ เค้าโง่จริงๆเลยครับ (หัวเราะ)แต่ผมก็ต้องแสดงไปตามบท ผมเลยบอกกับตัวเองว่าถัมด๊อกนั้นไม่สามารถลบความรู้สึกของเค้าที่มีต่อคีฮาออกไปได้ และในใจเค้าก็จะไม่มีที่ว่างให้ใครได้อีก ดังนั้นความคิดของผมระหว่างคีฮากับซูจีนี การได้รับความรักจากผู้หญิงคนไหนดีนั้น.. ผมรักทั้งสองคนเลยครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

AERA : แต่ว่าถ้าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน คุณจะต้องเจอปัญหาแน่ๆจริงมั๊ยคะ ?

เบยองจุน : คุณอยากให้ผมเลือกคนใดคนนึงให้ได้ใช่มั๊ยครับ (หัวเราะ)คือว่าผมไม่รู้จริงๆครับ ผมคิดว่าความรักของคนเราจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์น่ะครับ และก็ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งแวดล้อมหรือว่าสถานการณ์ของอีกฝ่ายด้วย มากกว่านั้นคือมันจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของผมในขณะนั้นด้วยครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

AERA - ถึงแม้เค้าจะถูกถามด้วยคำถามที่ยากสักแค่ไหน เค้าก็ยังคงยิ้มอย่างสดใสโดยไม่มีทีท่าอึดอัดใจเลย ฉันมีคำถามเกี่ยวกับความรักในละครเรื่องนี้อีก คีฮารักถัมด๊อก แต่ว่าเธอไม่สามารถที่จะบอกความรู้สึกของเธอออกมาได้ด้วยคำพูด และสิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจและรอยร้าวระหว่างทั้งสองขึ้น ฉันอยากจะรู้ความคิดเห็นของเค้าในเรื่องนี้

AERA : คีฮาไม่สามารถบอกความรู้สึกของเธอได้ คุณคิดว่าความรักนั้นสามารถสื่อออกมาได้โดยไม่ต้องใช้คำพูดหรือเปล่าคะ ?

เบยองจุน : ผมไม่คิดอย่างนั้นครับ ความรักระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายทำไมเราจะต้องแสดงออกด้วยคำพูดน่ะหรอครับ เพราะว่าผมคิดว่าเราจะไม่สามารถเข้าใจความรักได้จนกว่าคุณจะพูดมันออกมาครับ ถ้าเกิดว่าเป็นความรักระหว่างพ่อแม่กับลูกหรือว่าพี่น้องนั้น เราไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงออกมาด้วยคำพูด ความรักนี้เป็นสิ่งไม่ต้องการอะไรตอบแทนซึ่งสามารถเข้าใจกันได้เพียงแค่มองตากันครับ

แต่เมื่อเป็นความรักระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงนั้นจะแตกต่างออกไป สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ชีวิตด้วยกันเลยเป็นเวลาหลายสิบปีพบกันและตกหลุมรักกัน พวกเค้าจะเข้าใจกันได้อย่างไรครับถ้าไม่พูดกันออกมา ผมคิดว่าการที่เราพูดความรู้สึกของเราออกมานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คำพูดที่ว่า “ผมต้องการจะพบคุณ” เมื่อคุณต้องการที่จะพบใครสักคน หรือการพูดว่า “ผมรักคุณ” เมื่อคุณรักใครสักคนเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ

AERA : เพราะฉะนั้น คุณเป็นคนที่จะพูดความรุ้สึกของคุณออกมาใช่มั๊ยคะ ?

เบยองจุน : (ตกใจเล็กน้อย) เอ่อ.. ผมหรอครับ (หน้าแดงนิดหน่อย) ผมก็คงเป็นแบบนั้นน่ะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

AERA - ถ้าพูดถึงเรื่องการกลับชาติมาเกิด รักสามเศร้าในละครได้เปลี่ยนแปลงพลิกผันไป สิ่งที่ถัมด๊อกทำในตอนจบก็เช่นกันที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อน ดังนั้นในเกาหลี ประเด็นนี้ได้ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในอินเตอเน็ท

ถัมด๊อกมีชีวิตรอด

AERA : ในตอนสุดท้ายนั้น ถัมด๊อกเชื่อในพลังของมนุษย์มากกว่าลิขิตของสวรรค์ คุณคิดแบบนี้ด้วยหรือเปล่าคะ

เบยองจุน : มีความคิดหลากหลายมากครับเกี่ยวกับตอนจบ ในละครนั้นมีบางส่วนที่ชะตาชีวิตได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยุคของโกคุเรียว ตัวละครในอดีตนั้นกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในยุคถัดไป ฮวานอุง (โอรสของพระเจ้า) กลับมาเกิดใหม่โดยเป็นกษัตริย์กวางแทโกถ้าผมมีชะตากรรมและชีวิตแบบนั้น มันจะเป็นการจบที่ดีหรือไม่ ผมก็สงสัยเหมือนกันครับ ดังนั้นผู้กำกับคิมและผมได้พูดคุยกันเกี่ยวกับตอนจบหลายครั้งมาก พวกเราคิดกันว่าตอนจบนั้นควรจะเป็นอะไรที่เต็มไปด้วยความหวัง ผู้ชมอาจจะคาดหวังให้มีเรื่องราวหลังจากนั้น ถัมด๊อกแต่งงานกับซูจีนี มีลูกด้วยกัน และขยายอณาเขตออกไป อย่างไรก็ตามพวกเราต้องการให้ตอนจบนั้นเปิดกว้างและไม่ตายตัวครับ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถัมด๊อกนั้นมีชีวิตรอดหรือไม่ เราทำตอนจบออกมาได้ไม่ชัดเจนนักผมเองก็ไม่คิดว่าถัมด๊อกนั้นตายครับ ผมเชื่อว่าในตอนจบนั้นจิตวิญญานและพลังของเค้ายังคงอยู่ในสังคมปัจจุบันนี้

ผมเสียใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน เราควรที่จะทำผลงานออกมาให้สมบูรณ์มากกว่านี้ และเพราะว่าเวลาที่เวลาเร่งรัดเหลือเกิน ผมเสียใจที่เราไม่สามารถเสนอความคิดของเราออกมาผ่านทางละครได้อย่างครบถ้วนไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น แต่ผู้กำกับคิม, ทีมงานรวมถึงนักแสดงคนอื่นๆก็รู้สึกเช่นเดียวกันดังนั้นความคิดที่จะมีภาคต่อจึงเกิดขึ้นครับ

AERA - ละครเรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซี เกี่ยวกับการยกย่องการตัดสินใจของมนุษย์เหนือชะตาชีวิต และนี่เป็นผลงานของผู้กำกับคิมและนักเขียนบท Song Jina ผู้ที่ทำให้สังคมตระหนักถึงความเป็นจริงผ่านทางละคร อย่างไรก็ตาม สำหรับผลงานชิ้นนี้ เบยองจุนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดเนื้อเรื่องของเรื่องนี้ด้วย ผู้กำกับคิม ผู้นำทางด้านละครของเกาหลีพูดว่า “ผมประทับใจที่รู้ว่าเบยองจุนนั้นเข้าใจเนื้อเรื่องได้ดีกว่าผม” ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งเค้าเคยพูดว่า “ผมอยากเป็นผู้กำกับหนังครับ”

AERA - คุณเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดเหมือนในละครมั๊ยคะ ? ถ้าคุณได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งคุณอยากที่จะใช้ชีวิตแบบไหนคะ

เบยองจุน : จริงๆแล้วผมเคยคิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันครับ ผมเชื่อในพระเจ้า ดังนั้นแทนที่จะขอเกิดใหม่อีกครั้ง โดยการใช้ชีวิตที่มีความพยายามมากกว่าเดิมหรือว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผมขอใช้ชีวิตวันนี้ในทางที่ผมไม่รู้สึกระอายต่อพระเจ้าดีกว่า ผมเชื่อว่าผมจะได้ไปสวรรค์ ไม่งั้นผมก็คงต้องตกนรกแน่ๆครับ นอกจากศรัทธาของผม คุณถามผมว่าผมอยากจะใช้ชีวิตแบบไหนถ้าผมได้เกิดใหม่อีกครั้งใช่มั๊ยครับ ผมจะ...(หยุดคิดพักนึง)ถ้าผมได้เกิดใหม่อีกครั้ง ผมจะใช้ความพยายามให้มากกว่านี้ เพราะว่ามันเป็นชีวิตที่คุณผ่านมาแล้วครับ

ติดตามตอนต่อไป

[Trans] AERA part 2: on love & life (2/2)

Click Link to read News version translated into english

***************************************************************

Translate English to Thai by angelliz

ผมแค่พยายามไขว่คว้ามัน

AERA- เหมือนกับเป็นการโน้มน้าวเค้า เค้าพยักหน้าฉันรู้สึกว่าฉันเห็นบางอย่างที่สนับสนุนความเชื่อของเค้า เมื่อพูดถึงพระจ้า การรับบทของโอรสของพระเจ้า ฮวานอุง ผู้ซึ่งปรากฏอยู่ในอดีต กลายมาเป็นหัวข้อหลัก ด้วยผมสีเงินและชุดแต่งกายสีขาว นั่นทำให้เกิดความทรงจำของภาพลักษณ์ของแกนดาล์ฟในเรื่อง The Lord of the Rings เบยองจุนจึงได้รับฉายาว่า “ยองดาล์ฟ”

AERA : คุณได้รับบทเป็นเทพเจ้า คุณรู้สึกอย่างไรคะ

เบยองจุน : ตั้งแต่แรกแล้วครับที่ผมรู้สึกว่าการรับบทเป็นเทพเจ้านั้นอาจจะเป็นเรื่องยาก และเมื่อผมเริ่มเล่นบทบาทนี้ ผมก็พบว่ามันยากจริงๆครับ ผมควรจะแสดงมันออกมาอย่างไรดี

ผมเป็นกังวลมากและมันก็ยากมากครับ ไม่ใช่แค่เพียงผมคนเดียว ผู้กำกับคิมและทีมงานต่างเป็นกังวลว่า การที่เราแสดงถึงยุคในอดีตออกมาแบบนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า แต่เพราะว่าเรื่องราวของฮวางอุงในอดีตนั้น เกี่ยวข้องกับกษัตริย์กวางแทโก เหตุการณ์ในอดีตเกี่ยวข้องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นผมจึงต้องแสดงบทบาทนี้ครับ

มันเป็นผลงานที่ท้าทายมากจริงๆครับ แม้ผมจะมองย้อนกลับไป มันก็ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่ดี ถ้าผมถูกขอให้แสดงบทบาทนี้อีกครั้ง ผมควรจะทำยังไงดีมันเป็นสิ่งที่ยากมากครับ กับการรับบทบาทเทพเจ้า

AERA - เป็นเวลาถึง 14 ปีแล้วนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เค้าปรากฏสู่สาธารณะชน ถ้าอธิบายถึงนักแสดงเบยองจุน คำว่า ‘ผู้ที่สมบูรณ์แบบ’ เป็นคำที่ใช้มาอย่างยาวนาน เค้าทุ่มเทความสามารถของเค้าในทุกๆสถานการณ์ ในบทสัมภาษณ์เมื่อ 3 ปีก่อนหลังจากภาพยนตร์เรื่อง April Snow เค้าเรียกตัวเองว่า ผู้ที่สมบูรณ์แบบ สำหรับคำตอบของเค้าในครั้งนี้ได้แตกต่างจากครั้งที่แล้ว

AERA : ขอถามอีกครั้งนะคะ ครั้งนี้คุณยังคงเรียกตัวเองว่า ผู้ที่สมบูรณ์แบบอยู่หรือเปล่าคะ

เบยองจุน : (ขมวดคิ้วเล็กน้อย) คำว่า ผู้สมบูรณ์แบบนั้น ผมคิดว่าเป็นความต้องการของคนที่ด้อยความสามารถน่ะครับ

สำหรับผมผู้ซึ่งขาดความสามารถในหลายๆด้าน ผมพยายามแล้วพยายามอีกเพื่อจะได้เป็นผู้สมบุรณ์แบบครับ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมพยายามที่จะสมบูรณ์แบบตามความหมายของคำนะครับ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสมบูรณ์แบบ ผมแค่พยายามให้มากขึ้นและมากขึ้นอีกนิดหน่อย เพราะความปราถนาอย่างแรงกล้านี่แหล่ะครับที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมได้รับบาดเจ็บระหว่างที่ถ่ายทำ ผมควรที่จะพอใจสิ่งนั้นใช่มั๊ยครับ แต่ผมยังคงคิดว่าผมควรที่จะแสดงออกมามากกว่านั้น ควรที่จะสื่อออกมามากกว่านั้น และผมคิดว่าเพราะว่าในอารมณ์และความคิดแบบนั้นน่ะครับที่ทำให้ผมบาดเจ็บ

AERA - ความปราถนาแบบนั้น เป็นสิ่งที่แสดงออกมาจากความรู้สึกรับผิดชอบของนักแสดง เบยองจุนบอกว่า ถ้ามีสิ่งที่เป็นความเหมือนระหว่างถัมด๊อกกับเค้าแล้วล่ะก็ สิ่งนั้นก็คือ ‘ความรู้สึกรับผิดชอบ’ นั่นเอง ในขณะที่ถัมด๊อกเติบโตขึ้น ถัมด๊อกเรียนรู้ที่จะตัดสินใจด้วยตัวของเค้าเอง ในฐานะที่เป็นบุคคลที่อยู่ภายใต้ความกดดันที่ยากลำบากหลายๆอย่าง เบยองจุนก็เช่นกัน นอกจากการเป็นนักแสดง, นักธุรกิจแล้ว เค้ายังมีภาระอีกหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ

ผมไม่จดจำเรื่องราวในอดีต

AERA : ฉันคิดว่าคุณมักจะตกอยู่ในสถานการณ์กดดันบ่อยๆเมื่อต้องตัดสินใจ

เบยองจุน : ผมมักจะลืมเรื่องอะไรก็ตามแต่ ที่ได้ผ่านพ้นไปแล้วครับ (หัวเราะ) เรามักจะต้องตัดสินใจอยู่บ่อยๆในชีวิตของเรา ผมคิดว่าในทุกๆวัน และในทุกๆเวลา เรากำลังตัดสินใจอยู่ อย่างเช่น วันนี้เราควรจะทานอะไรดีก็คือการตัดสินใจครับ (หัวเราะ) ถึงแม้ว่าจะมีบางอย่างที่สำคัญมากในขณะนั้น แต่ในขณะที่เวลาผ่านไป คุณก็จะยิ่งพบว่าเรื่องราวเหล่านั้นมันสำคัญน้อยลงเรื่อยๆ เวลาทำให้เราลืมทุกอย่างที่มันเสร็จสิ้นไปแล้วครับ ถ้าคุณจำได้ในทุกๆเรื่องล่ะก็ คุณไม่สามารถจะใช้ชีวิตอยู่ได้ สำหรับเรื่องธุรกิจของผม ผมเป็นเพียงผู้ถือหุ้น แต่ผมไม่สามารถตัดสินใจในด้านของการบริหารได้ผมเพียงแค่เสนอความคิดเห็นหรือวิสัยทัศน์ของผมเท่านั้นครับ

AERA - ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน มักจะมีบางอย่างที่คอยกระตุ้นเค้า และเพื่อยืนยันสิ่งนี้ เค้าบอกความคิดของเค้าออกมาอย่างชัดเจน

AERA : คุณเคยพูดว่า ‘แม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่คุณรู้สึกว่าจะยอมแพ้ แต่มันก็ไม่เคยอยู่ในหัวคุณนานเกินกว่า 0.1 วินาทีเลย’

เบยองจุน : สิ่งที่ผมห่วงมากที่สุดคือครอบครัวของผมครับ

เพราะว่าผมมีครอบครัว (แฟนๆ) ชาวญี่ปุ่น เกาหลี.. สำหรับผมแล้วพวกเค้าล้วนเป็นครอบครัวของผม

ที่สถานที่ถ่ายทำในเกาหลีนั้น มักจะมีครอบครัวมาหาผมทุกๆวัน ไม่ว่ามันจะหนาวขนาดไหน หรือว่าร้อนสักเพียงใด หรือแม้ว่าฝนจะตก เมื่อผมพักเบรคจากการถ่ายทำ ผมจะเห็นครอบครัวของผมรออยู่ที่นั่นเสมอ

ความคิดที่ว่า “ผมเหนื่อยเหลือเกิน” จะเข้ามาในความคิดของผม แต่เมื่อผมคิดถึงครอบครัว (ที่ยืนรออยู่นั้น) ของผม ผมไม่สามารถ (อนุญาติให้ตัวเอง) คิดเช่นนั้นได้ครับ ความคิด (ความเหนื่อย) นั้นจะหายไปจากหัวผมทันที ผมอยากจะขอบคุณครอบครัวของผมมากๆ เพราะพวกเค้าน่ะครับที่เป็นคนที่มอบพลังและแรงบัลดาลใจให้กับผม

แต่ในอีกด้านนึง ผมค่อนข้างที่จะเป็นห่วงเกี่ยวกับสุขภาพของครอบครัวเหมือนกันภายใต้ความหนาวเย็นขนาดนั้น และภายใต้อากาศที่ร้อนขนาดนั้นร่างกายของคุณยังสบายดีอยู่หรือเปล่า ผมมักจะเป็นห่วงพวกคุณมากเลยครับ

ดังนั้นผมจึงอยากขอร้องครอบครัวของผมทุกคน ในอนาคต ถ้าเกิดว่าผมกำลังถ่ายทำอะไรอยู่ โปรดอย่าทำอะไรที่ทำร้ายตัวเองเลยนะครับ ทำไมน่ะหรอครับ ก็เพราะว่าผมเป็นห่วงพวกคุณเหลือเกิน บางครั้งผมรู้สึกไม่ชอบพวกบริษัทท่องเที่ยวจริงๆ “ทำไมเค้าถึงพาครอบครัวของผมมายังที่ที่ลำบากเช่นนี้ และยังปล่อยให้พวกเค้ายืนอยู่แบบนั้นตลอดทั้งวันได้อย่างไร” ยกตัวอย่างอย่างเช่น เหมือนกับตอนที่ลูกอยากจะไปไหน พ่อกับแม่มักจะเป็นห่วงและรอคอยลูกของเค้า ผมคิดว่านี่เป็นอะไรที่เป็นภาระสำหรับลูกเช่นกันครับ ลูกคงจะพูดว่า “ผมไม่เป็นไรครับ ผมทำเองได้ด้วยตัวของผมเอง แม้ว่าผมจะต้องอยู่ตามลำพัง ผมก็จะพยายามทำมัน” (หัวเราะ)

AERA : นี่เป็นสิ่งที่คุณอยากจะขอร้องครอบครัวของคุณใช่มั๊ยคะ เราจะบอกสิ่งเหล่านี้กับพวกเค้าคะ

เบยองจุน : ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเกิดว่าครอบครัวของผมได้มีโอกาสมาที่เกาหลี ผมอยากให้พวกเค้าได้ทานอาหารอร่อยๆ และสนุกกับการมาเที่ยวที่นี่มากกว่า แต่พวกเค้ามักจะยืนอยู่ที่ๆเดียวตลอดเวลา ที่สถานที่ถ่ายทำ นี่เป็นสิ่งที่ผมเป็นห่วงมากครับ

สิ่งที่ผมอยากจะทำมากที่สุดตอนนี้

AERA : มีอย่างหนึ่งคือ คุณถูกเรียกว่าเพฮาในละคร และในงานที่โอซาก้าในวันที่ 1 ก็เช่นกัน มีเสียงตะโกนเรียกคุณว่า เพฮา จากผู้ชม คุณรู้สึกอย่างไรที่ถูกเรียกว่าเพฮาคะ

เบยองจุน : ฮ่าฮ่าฮ่า มันกลายเป็นชื่อเล่นไปแล้วครับ และผมคิดว่ามันก็ตลกดีเหมือนกัน ขนาดหลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายทำละครไปแล้ว แม่ทัพโค (Park Jong Hak) ยังเรียกผมว่าเพฮาเลยครับระหว่างคุยโทรศัพท์ (หัวเราะ)

AERA - ในช่วงเวลา 2 อาทิตย์ที่เค้าอยู่ในญี่ปุ่นนั้น ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม เค้าจะต้องถูกติดตามโดยนักข่าวและแฟนๆ ใบหน้าของเค้ายังคงมีรอยยิ้มถึงแม้ว่าเค้าจะยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บ แต่เค้าก็ไม่แสดงความเหนื่อยล้าออกมาให้เห็นเลย และไม่ว่าจะต้องสัมภาษณ์กับสื่อมากมายเพียงใด เค้ายังคงตอบคำถามด้วยความสุภาพตลอดระยะเวลา

ฉันยังมีคำถามสุดท้ายที่จะถามเค้า

AERA : ตามความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้คุณอยากจะทำอะไรมากที่สุดคะ ?

เบยองจุน : สิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุดตอนนี้หรอครับ อืม..สิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุดตอนนี้คือ ... (พึมพัม) ต้นไม้ชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำค้าง ในผืนป่าเช่นนี้ ผมนั่งลงบนเก้าอี้ สูดลมหายใจของอากาศที่บริสุทธิ์ นั่งฟังเสียงดนตรี เสียงที่มากับสายลม… และได้กลิ่นของผืนป่าในขณะเดียวกัน

AERA - คำพูดของเค้างดงามราวกับบทกวี และดูเหมือนว่าจะออกมาจากส่วนลึกของจิตใจของเค้าในขณะนั้น หลังจากสิ้นเสียงทุ้มนุ่มของเค้า ทั้งห้องก็เกิดความเงียบขึ้นมา

และเค้าก็ดึงทุกคนมาสู่โลกของความเป็นจริง เค้ายังคงพูดด้วยท่าทางที่สดใสว่า

เบยองจุน : เมื่องานของผมเสร็จสิ้นแล้ว ผมอยากจะไปเที่ยวสถานที่บางที่ในญี่ปุ่นครับ ดังนั้นทีมงานเลยหาหนังสือนำเที่ยวมาให้ผมเลือกดู (หัวเราะ)ผมจะเลือกไปเที่ยวสักที่ครับหลังจากที่ดูหนังสือแล้ว

AERA : คุณจะปลอมตัวไปหรือเปล่าคะ

เบยองจุน : อืม..ผมคงจะสวมหมวกของผมไปแบบนี้น่ะครับ (ดึงหมวกลงมาปิดถึงใบหู)

AERA : คนจะยังคงจำคุณได้อยู่ดี ถึงแม้ว่าคุณจะสวมหมวกก็ตาม

เบยองจุน : ผมคิดว่าคงจะไม่เป็นไร ถ้าผมอยู่ลำพังคนเดียว เพราะว่าการที่ผมมักจะมีทีมงานที่ไปด้วยเยอะๆ จึงทำให้ดึงดูดความสนใจ และพวกเค้าก็จะคิดว่า “คนพวกนั้นคือใครกันนะ”ผมจะสวมหมวกแบบนี้และจะบอกทีมงานของผมให้ตามอยู่ห่างๆก็พอน่ะครับ

ผมจะเดินเล่นไปพร้อมกับกล้องของผม อืม... ผมคิดว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไรครับ (ทำท่าทางมั่นใจ)

ถ้าผมได้ถ่ายรูป ผมจะเอามาลงในเวปไซด์ของผมนะครับ ภาพที่ผมถ่ายในญี่ปุ่น ผมจะเอามาให้พวกคุณได้ดูครับ

AERA - หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีข่าวออกมาว่าเค้าไปเดินเล่นที่ คามาคุระ พร้อมกับถือกล้องของเค้า อย่างไรก็ตามยังมีผู้คนที่ยังจำเค้าได้อยู่ดี แต่ว่าเค้าคงจะได้ถ่ายรูปดีๆออกมาบ้าง

ในวันที่ 12 มิถุนายน เค้าเดินทางออกจากญี่ปุ่น ไปต่อเครื่องที่สนามบินอินชอน เพื่อมุ่งสู่นิวยอร์ค ฉันมั่นใจว่านี่จะเป็นโอกาสที่เค้าจะได้ใช้เวลาของเค้าอย่างเต็มที่ ทำในสิ่งที่เค้าชอบ, ถ่ายภาพฉันรอคอยที่จะเห็นภาพถ่ายของเค้าในเวปไซด์ส่วนตัวของเค้า

******************************************************

จบแล้วคะ หวังว่าเพื่อนๆคงจะอิ่มเอมใจจาการได้อ่านข่าวแปล บทความนี้นะคะ ทุกคนก็จะได้รับรู้ถึง

ความอบอุ่นและความเป็นตัวเองของยงจุนได้เป้นอย่างดีนะคะ ขอขอบคุณทุกการตอบรับนะคะ^^

[Vod] 2006 BYJ ntv

Source : Daum/BYJ Gallery
Post by : vento/Thank you for sharing to us

The best of Dahm Deok

Source : www.zazana.com /Thank you for sharing to us

BYJ Dancing ^-^

Source : soompi
Post by :liezle/Thank you

Hi all Baesisters, have you seen this vod yet?It's the old macarene cf that BYJ dancing Liezle on soompi has just uploaded this vod on youtube. Bae yong jonn is superb cute !!!

Thankz to Liezle on soompi, you're the best.

[captured] BYJ viliv new version

Source : Daum/BYJ Gallery
Post by : style /Thank you for sharing to us

captured by BYJ Gallery /Thank you

[Vod] BYJ viliv new version

Source : Daum/BYJ Gallery
Post by : style /Thank you for sharing to us

SCAN】LOVE! KOREA DRAMA vol. 22

Source : Daum/BYJ Gallery
Post by : arayo/Thank you for sharing to us