Chat Box


Get your own Chat Box! Go Large!

save รูปในBlog นี้อย่างไรให้ได้ภาพใหญ่

เพื่อนๆหลายคนที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog นี้มดเชื่ออย่างแน่นอนเลยคะว่าหลายคนก็อยากจะได้ภาพของยงจุนที่มดนำมาลงไปเก็บไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของแต่ละคนแต่ก็คงจะมีเพื่อนๆบางคนได้ลอง save ภาพเก็บกันแล้ว ก็อาจจะบอกว่า ทำไมได้ภาพเล็กแบบนี้หล่ะ

การ save ที่ถูกวิธีนั้น เพื่อนๆจะต้องเอาเม้าท์ไปคลิก(ซ้าย)ที่รูปภาพก่อนนะคะ จากนั้นเว็บก็จะทำการLink ไปยังหน้าที่มดได้ฝากไฟล์รูปภาพ จากนั้นเพื่อนๆก็จะเห็นรูปที่มีขนาดใหญ่ปรากฎ จากนั้นค่อยนำเม้าท์มาชี้ที่รูปภาพแล้วคลิกขวาทำการ Save picture As เป็นอันจบขั้นตอน แล้วทุกคนก็จะได้ภาพขนาดใหญ่กลับไป
ต่อไปนี้ก็คงจะได้ทราบวิธีการ Save ภาพที่ถูกต้องกันแล้วนะคะ ขอให้มีความสุขกับการเก็บภาพและรอยยิ้มที่น่ารักของ Bae Yong Joonกันนะคะ
Save คลิปวีดโอในบล๊อกนี้อย่างไร

นำเม้าส์ชี้ที่คำว่าDownload Hereแคลิกขวาเลือกคำสั่ง Save Target As จากนั้นเลือกโฟเดอร์ที่เราจะทำการบันทึกไฟล์ กด Save อักครั้งเป็นอนจบขั้นตอนคะ

17.7.08

[Trans] the bond betw YJ & four gods (2/2)

Source : BYJ'sQuilt Post by : happiebb/Thank you for sharing to us
translated into english: cloudnine / bb's blog

[Trans] the bond betw YJ & four gods (2/2)

Click Link to read News version translated into english

***************************************************************

Translate English to Thai by Aun

original in japanese: AERA 2008/06/30 scanned & posted by: miemi / byjgallery Translated into english: cloudnine / bb's blog

นักกวี ผู้ถักทอเรื่องราวด้วยบทพูด

ขณะที่ละครเรื่องนี้มีนักแสดงหน้าใหม่มากมาย TWSSG ก็ยังแสดงถึงความลงตัวของนักแสดงมากฝีมือ รวมถึงเบยองจุนด้วย

โอ ควาง รก (อายุ 45 ปี) รับบท ฮยอนโก เทพเต่าคะนองที่กลับชาติมาเกิดใหม่ เป็นนักแสดงฝีมือดีที่ผ่านงานละครมามากมาย รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Old Boy ด้วย เขามีจุดเด่นที่เสียงทุ้มต่ำ ในประเทศที่มีคนที่สนใจอ่านบทกลอน เขาถือว่าเป็นนักกวีคนหนึ่งทีเดียว ในละครเรื่องนี้ บ่อยครั้งที่เขาแสดงโดยไม่ได้อ่านบทมาล่วงหน้า “(จากดวงดาวและดวงจันทร์สู่สายฝน) เป็นคำพูดของฮยอนโกที่ไม่ได้มีการเตรียมกันมาก่อนและผมก็ชอบมันมากครับ ฮยอนโกเป็นคนซื่อบริสุทธิ์และสามารถหยั่งรู้ฟ้าดิน ผมพยายามจะแสดงออกไม่ใช่ให้เหมือนกับบทในตำนาน แต่เป็นคนที่รอบรู้และให้ความสำคัญกับผู้อื่นอย่างเท่าเทียมกันด้วยครับ”

นี่เป็นละครเรื่องที่ 2 ของเขา เขาเปิดเผยว่า เหตุผลที่เขารับแสดงเรื่องนี้มาจากบทพูดแบบบทกวี “เพราะว่าเนื้อหาของละครเรื่องนี้บ่งบอกถึงความสงบสุขที่ดำเนินมา จากนั้นก็ค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย ด้วยการสอดประสานกับภาพที่ลงตัว ตัวละครแต่ละตัวจึงสามารถแสดงจุดเด่นออกมาได้ ผมชอบภาพลักษณ์ของกษัตริย์ที่ให้ความสำคัญก็ตัวละครทุกตัวครับ”

ในบรรดาเทพผู้พิทักษ์ทั้ง 4 เขาเป็นคนเดียวที่เป็นรุ่นพี่ของเบยองจุน “พูดถึงเรื่องการแสดงแล้ว พวกเราไว้ใจซึ่งกันและกันครับ เขาเป็นคนหนุ่มที่บริสุทธิ์และมีจิตใจดี ผมไม่ใช่คนที่ชอบยอใครนะครับ แต่เมื่อผมได้เห็นความยากลำบากจากบทบาทที่เขาได้รับและการที่เขาทุ่มเทให้กับงานมากกว่าใคร เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ทำให้ผมนับถือเขามากทีเดียว และผมยังชื่นชมเขาที่คอยแสดงความเป็นห่วงเป็นใยทีมงานและเขาก็สุภาพกับพวกเขามากๆด้วยครับ”

ในขณะที่การทำถ่ายทำเป็นไปอย่างยากลำบาก เขา (ยองจุน) ก็พยายามต่อสู้กับอุปสรรคนั้นๆ เวลาเขายิ้มเหมือนเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งจริงๆ “เมื่อพวกเราต้องถ่ายฉากที่เสี่ยงอันตราย พวกเรามักจะนั่งรวมกันและแลกเปลี่ยนความคิดของแต่ละคนครับ การที่ได้ใช้เวลาร่วมกันนานๆ ทำให้ใจของเราสื่อถึงกันได้ เปรียบเสมือนกำแพงที่กั้นขวางถูกทำลายลง พวกเราเป็นเพื่อนคนสำคัญของกันและกันครับ”

ได้รับความสนใจจากบทที่เต็มเปี่ยมด้วยมนุษยธรรม

การกลับชาติมาเกิดของเทพพยัคฆ์ขาว เนื่องจากทรงผมที่มีเอกลักษณ์และบุคลิกที่กล้าหาญ จูมูชีจึงเป็นอีกตัวละครหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ปาร์ค ซึง วุน (อายุ 35 ปี) ผู้รับบทนี้สูงถึง 187 ซม. เขาเป็นคนที่รูปร่างสูงใหญ่ แต่เมื่อได้สนิทกับเขา จะรู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนที่ดูอ่อนโยนมากทีเดียว ระหว่างเขากับจูมูชีมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เขาเล่าเรื่องตลก “จูมูชีได้รับความสนใจจากเทพพยัคฆ์ขาว แต่ผมได้รับความสนใจจากเรื่อง TWSSG (หัวเราะ) มันเป็นเรื่องสำคัญนะครับที่นักแสดงจะได้รับความสนใจมากแค่ไหน (ต่อสาธารณชนหรือผู้ชม) ผมเป็นนักแสดงมากว่า 12 ปีและไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก ผมโชคดีจริงๆนะครับที่มีโอกาสเป็นที่รู้จักอย่างนี้”

การแสดงฉากแอ๊คชั่นด้วยขวานของเขาทั้งสวยงามและทรงพลัง เขาขอแสดงฉากการทำสงครามที่ทะเลทรายใน Kryganistan ด้วยตัวของเขาเองและปฏิเสธที่จะใช้สตั๊นแมน ซึ่งจริงๆแล้ว เขาได้พัฒนาทักษะของเขาในระยะเวลาที่ผ่านๆมา “ในปีแรกที่ผมเป็นนักเรียนการแสดงในโรงเรียนสอนการต่อสู้ นอกเหนือจากการแสดงแล้ว ผมยังได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้อีกด้วยและมันก็ช่วยผมได้มากเลยครับ เพราะว่าไม่มีสตั๊นแมนคนไหนที่มีทรงผมเหมือนผม เพราะงั้นผมเลยต้องแสดงเองทั้งหมด แล้วก็มีอยู่ครั้งนึงที่ผมอาจจะตายได้ ถ้าผมทำผิดแค่นิดเดียวครับ”

ก่อนหน้านี้คนเคยรับบทคนร้ายในหลายเรื่องๆ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นคนที่มีความรู้ที่กว้างขวาง เนื่องจากเขาเรียนจบปริญญาตรีด้านกฎหมาย เขาอายุเท่าเบยองจุนและมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันขณะที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น“เนื่องจากพวกเราเป็นนักแสดงมาหลายปี การแสดงในคอนเสิร์ตจึงเป็นเรื่องง่าย เบยองจุนยังคิดบทให้ผมแบบสดๆเลยครับ แล้วผมก็ไว้ใจเขาด้วย ผมพยายามจะแสดงเป็นตัวละครนั้นๆด้วยความรู้สึกที่มี สิ่งเดียวที่ทำให้ผมกังวลใจก็คือ ทรงผม นี่แหละครับ (หัวเราะ) ระหว่างการถ่ายทำที่ยาวนาน ภาพที่ผมประทับใจมากที่สุดคือ ตอนที่เบยองจุนและผู้กำกับคิมกอดกันและร้องไห้ หลังจากการถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์ครับ”

นักแสดงหญิงผู้ยอมรับในชะตากรรม

คีฮา เป็นพี่สาวของซูจีนี เทพวิหคเพลิงที่กลับชาติมาเกิดใหม่และเป็นผู้ครอบครองดวงจิตแห่งหงส์ไฟอีกคนมูนโซริ ถือเป็นนักแสดงหญิงชั้นแนวหน้าของเกาหลี ที่เคยได้รับรางวัลจากงานเทศกาลภาพยนตร์ระดับนานาชาติมาแล้ว อย่างจากในภาพยนตร์เรื่อง โอเอซิส เป็นต้น การปรากฏตัวครั้งแรกในละครของเธอดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้มากทีเดียว ผู้กำกับเลือกเธอ เพราะเขาคิดว่า มีแค่เธอเท่านั้นที่สามารถแสดงเป็นคีฮา ผู้ที่เก็บความลับและพลังที่ซ่อนเร้นได้

“ทำไมฉันต้องทนกับชะตากรรมที่แสนเศร้านี้ด้วยนะ แค่ไปที่สถานที่ถ่ายทำ แม้ว่าจะไม่ใช่ฉากที่ต้องร้องไห้ แต่น้ำตาก็มักจะเอ่อล้นออกมาเสมอ ในฉากที่ลูกของฉันถูกขโมยไป ฉันร้องไห้อย่างหนักกว่า 8 นาที ซึ่งฉันก็จำไม่ได้ค่ะ ว่าฉันทำมันได้ยังไง คนส่วนมากดูบุคลิกของฉัน ก็มักจะคิดว่า ฉันเป็นคนที่ร้องไห้ยาก แต่เมื่อการถ่ายทำวันนั้นสิ้นสุดลง (พวกเราไม่เคยเห็นใครร้องไห้ได้อย่างมูนโซริเลย)”

คีฮามีสายตาที่แข็งกร้าวมาก ฉันเลยสงสัยว่า มูโซริจะเป็นคนที่แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างนั้นรึเปล่า“ฉันพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็กค่ะ เพราะฉันไม่อยากเป็นคนประเภทนั้น แต่ฉันก็คิดว่า บางครั้งความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นบ้างเหมือนกันนะคะ อาชีพนักแสดงเป็นสิ่งที่ตรงกับความรู้สึกของฉันมากที่สุด ดังนั้นบางทีโชคชะตาอาจจะลิขิตมาให้ฉันเป็นนักแสดงก็ได้ค่ะ”

ในเกาหลี เธอเป็นที่รู้จักในเรื่องการออกความเห็นต่อสังคม“จริงๆแล้ว ฉันคิดว่า อาชีพนักแสดงเป็นงานที่อิสระนะคะ อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นงานที่ไม่สามารถทำให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยตัวคนๆเดียว คนเรามีส่วนเชื่อมโยงกับสังคม การออกความเห็นต่อสังคม จะทำให้เราสามารถแลกเปลี่ยนทัศนะคติกันได้อย่างอิสระ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้ในเกาหลี ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ฉันก็เพียงแค่อยากจะพูดในสิ่งที่ฉันคิดค่ะ”

ระหว่างการถ่ายทำ เธอได้แต่งงานกับผู้กำกับภาพยนตร์ จาง จู ฮวาน ซึ่งสามีภรรยาคู่นี้ก็สนิทกับเบยองจุนเป็นการส่วนตัวด้วย “(ในเรื่อง) เมื่อถัมต๊อกมีท่าทีเฉยชาต่อคีฮา คุณเบยองจุนก็มักจะชมและใจดีกับฉันเสมอค่ะ เขามักจะให้กำลังใจฉันโดยพูดว่า คีฮาที่น่าสงสาร”

เมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้น เธอก็ไปไคโร ซึ่งเธอก็ประหลาดใจมากที่ได้รู้ว่า เบยองจุน มีชื่อเสียงโด่งดังมากจากเรื่อง WLS (Winter love song) “ที่โรงแรม มีผุ้หญิงที่คลุมหน้าด้วยผ้าสีดำเดินเข้ามาฉันและพูดว่า ‘คุณคีฮาคะ พวกเราเป็นแฟนละครชาวอิยิปต์ค่ะ’ และพวกเขาก็ขอให้ฉันเอาของขวัญให้เบยองจุนค่ะ”

ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่เธอได้รับรู้ความนิยมของเบยองจุนในประเทศญี่ปุ่น “มันยากมากเลยนะคะที่นักแสดงคนหนึ่งจะได้รับความรักมากมายขนาดนี้ เมื่อเราคิดถึงประวัติศาสตร์ของเกาหลีและญี่ปุ่น วิถีการดำเนินชีวิตและวัฒนธรรม พร้อมๆกับคนเกาหลีที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น มันเป็นสิ่งที่เยี่ยมมากเลยค่ะ ถ้าเราสามารถส่งต่อความประทับใจต่างๆเหล่านี้ได้ ฉันคิดว่า บางทีเราอาจจะสามารถสร้างความสัมพันธ์โดยการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันก็ได้ค่ะ”

เบยองจุนก็เคยพูดว่า การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต้องไม่คำนึงถึงเรื่องพรมแดน ซึ่งเป็นความคิดที่เขามีร่วมกับคนอื่นๆ ความผูกพันของเทพทั้งสี่ ช่างลึกซึ้งจริงๆ

No comments: